
มาร์คัส แรชฟอร์ด: “ฮันซี่ ฟลิค คือเหตุผลสำคัญที่สุดที่ผมมาอยู่ที่นี่”
Mansion Sports - บาร์เซโลนา ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเซ็นสัญญาคว้าตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าทีมชาติอังกฤษวัย 27 ปีจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัวเป็นระยะเวลา 1 ฤดูกาล โดยถือเป็นการเสริมทัพระดับซีเนียร์รายที่สองของ “เจ้าบุญทุ่ม” ในช่วงฤดูร้อนนี้ ต่อจากการคว้าตัว โจน การ์เซีย เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
รายละเอียดสัญญาและข้อตกลงทางการเงิน
ในการดำเนินการย้ายทีมครั้งนี้ แรชฟอร์ดยินยอมลดค่าจ้างของตนเองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการเจรจา โดยที่บาร์เซโลนาจะรับผิดชอบภาระค่าเหนื่อยส่วนใหญ่ของนักเตะ
ข้อตกลงยังรวมถึงเงื่อนไขการซื้อขาด ซึ่งบาร์เซโลนามีสิทธิ์ใช้สิทธินี้เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ด้วยค่าตัวโดยประมาณ 30 ล้านยูโร
อย่างไรก็ตาม หากสโมสรไม่ดำเนินการซื้อขาด แรชฟอร์ดตามเงื่อนไขดังกล่าว พวกเขายังคงต้องจ่ายค่าปรับ 5 ล้านยูโร ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แรชฟอร์ดเผยความรู้สึก: “ผมรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตั้งแต่วันแรก”
ในการสัมภาษณ์ครั้งแรกกับช่องทางสื่อของสโมสร แรชฟอร์ดได้แสดงความยินดีอย่างสูงที่ได้ย้ายมาร่วมทัพบาร์เซโลนา เขาเดินทางถึงแคว้นกาตาลุญญาในวันอาทิตย์ และได้ลงฝึกซ้อมครั้งแรกกับทีมในคืนวันอังคา
“ผมตื่นเต้นมากจริง ๆ ที่ได้มาอยู่ที่นี่ สโมสรแห่งนี้เต็มไปด้วยความฝัน ความสำเร็จ และค่านิยมที่แข็งแกร่ง ผมรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตั้งแต่มาถึง และนั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมตัดสินใจมาที่นี่”
“ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนครอบครัว ทุกคนอบอุ่นและมีพลังบวก นี่คือสถานที่ที่เหมาะแก่การใช้ชีวิตและพัฒนาในฐานะนักเตะ”
คำมั่นสัญญาของแรชฟอร์ดต่อแฟนบอลบาร์เซโลนา
เมื่อพูดถึงสิ่งที่แฟนบอลสามารถคาดหวังจากเขา แรชฟอร์ดยืนยันว่าเขาจะมุ่งมั่นทำผลงานให้ดีที่สุดในสนาม
“ผมพยายามเล่นให้มีจังหวะเด็ดขาด เล่นเร็ว และเต็มไปด้วยพลัง ผมชอบฟุตบอลที่มีคุณภาพ และผมโตมากับการดูบาร์เซโลนาเล่น”
“การได้สวมเสื้อสโมสรนี้คือเกียรติอย่างยิ่ง และผมจะซาบซึ้งกับทุกวินาทีที่ได้ลงสนามให้กับทีม”
ความทะเยอทะยานของแรชฟอร์ดกับทีม “อาซูลกราน่า”
แรชฟอร์ดยังกล่าวถึงแรงจูงใจและเป้าหมายร่วมกันระหว่างเขาและสโมสรใหม่ ซึ่งมีความปรารถนาที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
“ผมรู้สึกกระหายชัยชนะ และพร้อมช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น พวกเขาทำได้ดีในฤดูกาลก่อน และยังคงมีเป้าหมายที่สูงขึ้น นั่นเป็นแรงผลักดันที่นักฟุตบอลทุกคนต้องการ — แรงขับเคลื่อนที่จะเติบโตและเป็นเวอร์ชันที่ดีกว่าของตนเอง”
“ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้ลงสนาม และสนุกกับช่วงเวลานี้อย่างเต็มที่”
บทบาทของฮันซี่ ฟลิคในการโน้มน้าวให้แรชฟอร์ดย้ายทีม
ฮันซี่ ฟลิค ผู้จัดการทีมคนใหม่ของบาร์เซโลนา มีบทบาทสำคัญในการชักชวนให้แรชฟอร์ดตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม
ทั้งสองได้พูดคุยกันผ่านสายโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดี ก่อนที่ดีลจะได้ข้อสรุปในอีกไม่กี่วันถัดมา
“เหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมอยู่ที่นี่คือการพูดคุยกับโค้ชฟลิค สิ่งที่เขาทำได้ในฤดูกาลที่ผ่านมา รวมถึงตลอดอาชีพของเขา มันแสดงให้เห็นว่าเขาคือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
“เขาประสบความสำเร็จร่วมกับทีมดาวรุ่ง และกลับมาในช่วงพรีซีซันด้วยความกระตือรือร้นมากขึ้น มันสะท้อนสิ่งที่ผมเชื่อเกี่ยวกับสโมสรนี้ และตอนนี้ที่ผมได้มาอยู่ที่นี่ มันเหมือนฝันที่กลายเป็นจริง”
“ผมอยากเรียนรู้ปรัชญาของสโมสรแห่งนี้ และอยากมีส่วนร่วมในทุกการแข่งขัน”
ข้อความจากแรชฟอร์ดถึงชาว “กูเลส์”
ในโอกาสนี้ แรชฟอร์ดยังฝากข้อความถึงแฟนบอลบาร์เซโลนาอีกด้วย
“ผมขอขอบคุณทุกการต้อนรับที่อบอุ่นมาก ๆ สำหรับผม ที่นี่คือสภาพแวดล้อมใหม่ แต่เหมือนที่ผมพูดไว้ มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน”
“เรานักเตะทุกคนให้ความสำคัญกับแรงสนับสนุนจากแฟนบอล และสำหรับผมแล้ว การได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลที่คัมป์นูจะเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก ผมแทบรอไม่ไหวที่จะสัมผัสมันด้วยตัวเอง”
“บาร์เซโลนา คือเป้าหมายอันดับหนึ่งของผม”
ในการตอบคำถามจากสื่อมวลชน แรชฟอร์ดได้ยืนยันว่าบาร์เซโลนาเป็นปลายทางที่เขาวางแผนไว้อย่างชัดเจนมาตั้งแต่ต้น
“ใช่ครับ สำหรับผม มันเป็นการตัดสินใจที่ง่าย ผมมีแผนจะย้ายมาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว”. “เมื่อเวลาผ่านไปอีกหกเดือน โอกาสก็กลับมาอีกครั้ง และผมก็มั่นใจในตัวเลือกนี้มาตลอด”
เมื่อถูกขอให้แสดงความคิดเห็นต่อคำกล่าวของ แกรี่ ลินิเกอร์ ที่ว่า “ปัญหาไม่ใช่แรชฟอร์ด แต่เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” แรชฟอร์ดตอบด้วยความเคารพ
“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่สโมสรแห่งนั้นเป็นส่วนสำคัญในชีวิตและเส้นทางอาชีพของผม ผมไม่มีอะไรให้พูดในแง่ลบเกี่ยวกับแมนเชสเตอร์ และผมหวังว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในอนาคต”
ด้วยพลัง ความตั้งใจ และความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่าง มาร์คัส แรชฟอร์ดเปิดฉากบทใหม่ในอาชีพค้าแข้งของเขากับบาร์เซโลนา พร้อมรับมือกับทุกความท้าทาย และพร้อมตอบสนองต่อความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ของเหล่าแฟนบอลในถิ่นคัมป์นู.